Archive for the ‘เข้าวัดบ้าง เผื่อชีสวย’ Category


สวัสดีค่ะพี่แอสตั้น

ตอนนี้ตัวเองไม่มีความสุขเลยค่ะ
เลิกกับแฟนมานี่ผ่านมาเก้าเดือนแล้ว

ตอนแรกตั้งสติ เพื่อใช้ชีวิตต่อไปตามที่ได้อ่าน และมองตามจิตที่ไหลไป
แต่สองวันที่ผ่านมา พยายามแล้วก็เห็นว่า ในขณะที่จิตใจวกกลับไปคิดถึงแฟน ด้วยเหตุที่ไปดูรูปของเค้ากับแฟนใหม่ที่เฟสบุ้ค มันทำให้เรารู้ตัวเลยว่า
เราเองยังคาดหวังเพื่อรอให้เค้ากลับมา

เราทะเลาะกันเค้าบอกว่า เราไม่แคร์เค้า เลยห่างกันไปสองอาทิตย์
จนเค้าส่ง sms มาบอกว่า เราจะไม่ติดต่อกันอีก เค้ากลับไปคบกับแฟนเก่าแล้ว

เสียความรู้สึก เสียใจ มันปนไปกันหมด
เค้าควรพูดจาต่อหน้าไม่ใช่หนีหายไป แต่เราก็โอเค เมื่อเค้าไม่ จะไปอะไรก็ไม่ควร

แล้วเค้าคบกับอีกคนแล้ว จะเข้าไปถามไปเจอ
ผู้หญิงอีกคนก็คงเสียความรู้สึกเหมือนที่เราเสียไป จึงต่างคนต่างอยู่มา

มันก็นานแล้วนะคะ เกือบปีแต่มาตกม้าตายแค่เห็นและอ่านคำบรรยายใต้ภาพว่าเค้ารักกันแค่ไหน

สองวันนี้ใจหมองหมอง คิดวนแต่เรื่องที่ผ่านไปไม่อาจกลับมา
รู้ตัวว่าไม่อยู่กับปัจจุบันและไม่สามารถทำให้สภาพจิตใจตัวเองดีขึ้น
รู้สึกตัวเองต่ำต้อย ด้อยค่า น่าสมเพชยังไงไม่รู้

เราสวดมนต์ ฟังซีดีพระท่านมาสองคืน นอนไม่หลับและฟุ้งซ่านมาก
รู้ตัวว่าฟุ้งซ่าน พยายามตั้งสติทำงาน และบอกตัวเองเสมอว่า
เกือบปีที่ผ่านมาก็อยู่ได้ แต่จะมาเป็นตายอะไรแค่วันนี้ ตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้ดีขึ้น ใจมันอยากหลุดก็ยิ่งจมค่ะพี่

พี่แนะนำหลักปฏิบัติได้ไหมคะ
ในมันอิจฉาริษยา น่าละอายมากที่เรารู้สึกแบบนี้

พี่แนะนำคนโง่เขลาด้วยได้ไหมคะ

ขอบคุณค่ะ

เวลาเราเจอทุกข์ เจอปัญหาถาโถมเข้ามา
เราอาจล้มได้บ้างเป็นธรรมดาครับ ไม่ใช่เรื่องโง่นักหนาหรอก

คนล้มเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะไม่ใช่ทุกคนจะทรงตัวได้ในทุกเวลา
แต่เวลาล้มแล้ว อย่าลงไปเกลือกกลิ้งตีอกชกหัว ให้ตั้งสติแล้วรีบลุกขึ้นยืน

อะไรที่แล้วไปแล้ว ก็ต้องให้มันแล้วไปนะครับ
ใครจะชั่วจะดีกับเรา มันก็เป็นได้แค่ความทรงจำ

พี่เคยเขียนบทนึงในธนาคารความสุข เล่มหนึ่ง บอกว่า

ใจคนเราเหมือนห้องเก็บของ
เราชอบเอาของที่ไม่ได้ใช้โยนเข้าไปเก็บ วันดีคืนดีก็รื้อออกมาปัดฝุ่น
แล้วก็โยนกลับเข้าไปเก็บใหม่ ทั้งที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรจากมันหรอก

ชีวิตเรามีทุกข์บ้าง มีสุขบ้าง สลับกันไปมาแบบนี้แหละ
ไม่ว่าใครจะอยู่ ใครจะไป ใครจะทิ้งเรา เราจะทิ้งใคร
มันก็เป็นแค่กงเกวียน กำเกวียน ที่เวียนวนมาให้ผลบ้าง สร้างใหม่บ้าง

ชาติก่อนเคยไปทำกรรมชั่วไว้ ชาตินี้ก็กลายเป็นคนรับกรรมบ้าง

ทุกข์ที่เราต้องเจอ มันเป็นผลจากกรรมเก่านะ
แต่เราจะรับมือ จัดการอย่างไร อันนั้นเป็นเรื่องของกรรมใหม่

ถ้าอยากสร้างกรรมใหม่ที่พาเราพ้นจากทุกข์ได้
เริ่มจากอโหสิให้เขาไปนะครับ ถือว่าเราใช้กรรมหมดต่อกันแล้ว

ไม่ต้องไปโทษเขาว่าอย่างนั้น อย่างนี้
ไม่ต้องโทษตัวเอง ที่หาทุกข์ใส่ตัวด้วยความคิดฟุ้งซ่าน
ไม่ต้องโทษใคร แต่มีสติ รู้สึกตัวไว้

ที่บอกว่าให้นั่งดู ไม่ใช่ให้ไหลตามเรื่องที่คิดไปนะ แต่ให้รู้ทันใจว่าคิด
คนละอย่างนะครับ

ทุกข์ ก็รู้ว่าทุกข์ ยอมรับไม่ได้ ก็รู้ว่ายอมรับไม่ได้
อึดอัด รู้ว่าอึดอัด รู้เสมือนหนึ่งเราเป็นคนดู ดูจิตใจตัวเองมันทำงาน

ดูที่การดิ้นรน ดูความเป็นไป โดยไม่ไหลเข้าไปอยู่ในเรื่องที่คิด
แล้วจะเห็นว่า ทุกข์ ก็เป็นแค่ผลของกระบวนการคิด นึก ปรุงแต่งเท่านั้น

เรื่องดีๆ ก็เหมือนพระอาทิตย์ขึ้น เรื่องร้ายๆ ก็เหมือนพระอาทิตย์โดนเมฆฝนบดบัง
ทุกอย่างมันชั่วคราวเสมอกันนะครับ ไม่มีอะไรดีหรือแย่กว่าอะไรหรอก

ใจเราเองต่างหาก ที่ให้ค่าว่า แบบนี้เรียกว่าดี เพราะเราชอบ เราพอใจ
แบบนี้ เรียกว่าเลว เพราะเราไม่ชอบ เราไม่พอใจ

ไม่มีใครทำให้เราเสียใจได้หรอกครับ
มีแต่ใจเราที่ตีค่าการกระทำบางอย่าง แล้วเสียใจเอง

สมมติว่า เราเบื่อเขา อยากให้เขาไปให้พ้นๆ แล้วเขามาบอกเลิก
เราจะเสียใจแบบนี้ไหม ไม่หรอก.. ใช่ไหมครับ

เพราะฉะนั้น ที่เราเสียใจ ไม่ใช่เพราะเขาบอกเลิก ไม่ใช่เพราะเขาไปคบใคร
แต่เพราะเรายอมรับไม่ได้ต่างหาก เราอยากให้เขามาพูดต่อหน้า
เราอยากให้อย่างนั้น เราอยากให้อย่างนี้

ที่สุดแล้ว พระพุทธเจ้า ถึงบอกว่า ทุกข์ทั้งหลาย มันเริ่มที่ “เรา” นี่เอง

คุณพูดถูกเป๊ะอย่างนึงว่า ยิ่งอยากหลุด ก็ยิ่งจม
ถึงบอกให้ยอมรับ ยอมรับด้วยสตินะ
ไม่ใช่สุดโต่งว่า อ่อ..พี่ให้ยอมรับ งั้นก็ปล่อยให้ตัวเองจม

มีสตินะครับ หลายเดือนแล้ว เสียใจมาก็พอสมควร
ชีวิตนี้สั้นจะตาย จะหายใจทิ้งๆขว้างๆไปกับความทุกข์.. เพื่ออะไร?

ยิ้มไว้ แล้วมีสติ อยู่กับปัจจุบัน

ให้อดีตมันเป็นอดีตที่ล่วงไปแล้วน่ะดีแล้ว
อย่าไปเอามันมาเป็นอุปสรรคกีดขวางการมีชีวิตอย่างรู้คุณค่าในปัจจุบันเลย

มีสติ รู้ทัน ยอมรับ
เคยรัก เคยล้ม ก็ถึงเวลาต้องลุกนะครับ

credit http://bit.ly/dkgkte (ลอกเนื้อหา มาทั้งยวง:)